เชียงใหม่ – สืบสวน สภ.แม่ปิง บุกรวบสองสามีภรรยาแก๊งควายคาบ้านพักในอำเภอดอยสะเก็ดหลังตระเวนหลอกเหยื่อหลายรายในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่-ลำพูนสูญเงินหลายล้านบาทเจ้าของรีสอร์ทโมโหหนักบุกชี้ตัวถามเอาปากกาจิ้มตา
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 2 ธันวาคม ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรแม่ปิง นำโดย ,พ.ต.ท.นิรันดร์ ถูกแผน รอง ผกก.สส.สภ.แม่ปิง พ.ต.ต.ประจักษ์ จันทิมา สว.สส. สภ.แม่ปิง นำกำลังเข้าจับกุมตัวนายประสาน บุญสอน อายุ 62 ปี และนางสาวพิมณช์พัสร์ ผึ้งทอง อายุ 46 ปี ภายในบ้านพัก อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทั้งสองคนนี้เป็นสมาชิกของ ‘’แก๊งควาย’’ ที่ร่วมกันก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายให้นำเงินไปลงทุนไถ่ถอนที่ก่อนจะเชิดเงินของผู้เสียหายไป
ก่อนหน้านี้ตำรวจ สภ.แม่ปิง ได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่าถูกแก๊งควายหลอกเชิดเงินหนี สูญเงินไปทั้งหมด 1 ล้าน 2 แสนบาท จึงได้ออกติดตามตัวผู้ต้องหาแก๊งนี้กระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ที่อ้างตัวเป็น ปศุสัตว์สมชาย และ นางสาวสายใจ กลบดานอยู่ในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัว
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกับแก๊งควายก่อเหตุลักษณะดังกล่าวจริง โดยมีเสี่ยกบ อายุประมาณ 50 ปี ซึ่งเป็นคนทางภาคกลาง ได้ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ให้เบอร์ผู้เสียหายมา หลังจากนั้นให้ตนโทรหาเป็นปศุสัตว์สมชาย อ้างว่าจะต้องการซื้อที่ๆ ผู้เสียหายประกาศขายในอำเภอสันทราย
หลังจากนั้นก็ให้สายใจโทรไปหาอีกและนัดผู้เสียหายมาดูบ้านก่อนจะมีการพูดโน้มน้าวให้ผู้เสียหาย จากการจะขายบ้านให้มาเป็นร่วมกันซื้อที่ดินโดยให้มีการพูดคุยกับเสี่ยกบ และเลขา ซึ่งข้อความในการพูดนั้นเสี่ยกบจะเป็นคนเขียนบทละครและสร้างคอนเทนต์ให้เล่นเพื่อให้ผู้เสียหายตายใจหลงเชื่อโดยเคสของเจ้าของรีสอร์ทนี้ทางสมชายและสายใจได้ออกอุบายว่ามีคนสนใจจะซื้อที่ดินในเชียงใหม่ซึ่งเป็นของตนเองแต่ที่ดินติดจำนองอยู่ตนเองมีเงินไม่พอ เสี่ยกบมี 1ล้าน 3 แสนบาท ส่วนสมชายและสายใจมีเงินอยู่ 2 ล้าน ก่อนจะโน้มน้าวให้เจ้าของรีสอร์ท ร่วมลงทุนด้วยเป็นเงิน 1 ล้าน 2 แสนบาท รวมกัน 4 ล้าน 5 แสนบาท ซึ่งถ้าหากขายที่ได้แล้วจะนำกำไรและเปอร์เซ็นต์จากการขายที่มาแบ่งให้จนผู้เสียหายตายใจไปกดเงินสดให้หลังจากนั้นก็จะปิดโทรศัพท์แล้วหลบหนีไป กระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้
ด้านหญิงวัย 60 ปี ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ท ในอำเภอพร้าวได้เดินทาง มาชี้ตัวผู้ต้องหา ที่ สภ.แม่ปิง เธอรู้สึกโกรธมากที่ถูกแก๊งควายหลอกขณะที่ตำรวจ นำตัวผู้ต้องหา คือนายประสาน บุญสอน อายุ 62 ปี และนางสาวพิมณช์พัสร์ ผึ้งทอง อายุ 46 ปี มาให้ชี้ตัวนั้นเธอบอกว่าขอเอาปากกาจิ้มตาทีได้ไม อาชีพสุจริตมีไม่ทำกันเที่ยวหลอกคนแก่
เธอเล่าให้กับผู้สื่อข่าวฟังว่า พฤติกรรมของแก๊งควายนั้น เมื่อวันที่ 17 กรกฏาคมนั้นแก๊งควายได้นั่งรถตู้ไปหาเธอที่รีสอร์ทในอำเภอพร้าวและทำทีว่าจะจองห้องพักวันที่ 19 กรกฏาคม
โดยอ้างว่าหลานจะมาจากต่างประเทศจะจองห้องพักทั้งหมดตนเองก็รู้สึกดีใจได้เดินออกมาคุยด้วยหลังจากนั้นก็แลกนามบัตรกัน หลังจากนั้นแก๊งนี้ก็ได้โทรมาว่าหลานสาวสนใจจะซื้อบ้านซึ่งตนเองก็มีบ้านอยู่ในเชียงใหม่อยากขายพอดีจึงได้นัดกันมาดูบ้านให้ตนขับรถจากอำเภอพร้าวมาเปิดบ้านในเมืองเชียงใหม่ให้ดูซึ่งตนเองก็ขับรถมาเพราะต้องการขายบ้าน ซึ่งเราก็เชื่อแต่ไปๆมากลายเป็นว่า เขาจะขายที่ดินตนก็เริ่มงงเพราะแก๊งควายนี้ได้นำน้ำมาให้ตนดื่มและผู้หญิงชื่อสายใจได้เข้ามาแตะและลูบมือตน ซึ่งก็ทำให้ตนมึนไปกันใหญ่หลังจากนั้นสายใจบอกว่าจะพาตนไปหาหลานสาวซึ่งจะขายที่ดินย่านบริเวณหนองจ๊อม อำเภอสันทรายซึ่งมีพื้นที่ 7 ไร่ แล้วสายใจมาบอกตนเองว่าที่ดินนี้ติดจำนองอยู่หลอกตนเรื่อยๆจนตนเองงงแล้วแก๊งนี้ก็ล้อมตนเองไว้ ซึ่งตนก็มึนๆ งงๆ
ก่อนที่สายใจจะมาจับมืออีกว่าพี่ช่วยหนูหน่อยที่ดินแปลงนี้ติดจำนองกับนายทุนก่อนนำโฉนดที่ถ่ายเอกสารมาให้ตนดูแล้วบอกตนเองว่าพี่ต้องไปเอาแล้วไถ่โฉนดออกมาเพื่อที่จะได้ขายให้นายทุนอีกคนหนึ่ง ซึ่งหลังจากนั้นตนก็ไม่รู้ตัวมารู้อีกทีแก๊งควายพาไปกดเงินสดที่ธนาคารแห่งหนึ่งย่านแม่โจ้ ครั้งแรก 7 แสนบาท ครั้งที่ 2 5 แสนบาท
โดยตัวเองไม่รู้ตัวเลยที่ต้องมาเสียรู้คนพวกนี้หลังจากที่ทั้งสองคนนี้ได้เงินไปแล้วก็พาเธอมาส่งที่บ้านหลังที่จะขายหลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย เธอจึงรู้ตัวว่าถูกแก๊งควายหลอกแล้ว อย่างไรก็ตามในกรณีของเธอนี้ต้องการไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับหญิงสาวที่มีอายุโดยแก๊งควายนี้จะตระเวนก่อเหตุหาที่หรือบ้านที่เขาติดป้ายขายก่อนจะพูดคุยและเมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะหลอกโอนเงินให้อ้างเป็นการไถ่ที่ แล้วนำมาขายแบ่งเงินกัน
ซึ่งให้ใครเจอลักษณะนี้อย่าไปหลงเชื่อเป็นอันขาดซึ่งถ้าหากมีการซื้อขายที่ดินจริงก็ต้องหาคนไปเป็นเพื่อน
เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงผู้อื่น พร้อมกันนี้สำหรับแก๊งควายนี้ที่ผ่านมาเคยก่อเหตุมาหลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ในพื้นที่ สภ.แม่ปิง เขตตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมืองมีผู้เสียหายสูญเงินแสนกว่าบาท โดยผู้ต้องหาจะใช้วิธีการลักษณะเดียวกัน อ้างตัวว่าชื่อสมชาย และสายใจ ซึ่งจากการสืบสวนของตำรวจขณะนี้ในเคสของเจ้าของรีสอร์ท อำเภอพร้าวนั้นมีผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมด 5 คน เป็นผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 2 คน สามารถจับกุมได้สองรายแล้วและกำลังเร่งติดตามขยายผลหาเครือข่ายที่เหลือมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป